วิกฤตรัสเซีย-ยูเครน “ไม่จบในปีนี้” อาวุธขั้นสูงคือกุญแจจบสงคราม?

นายพลระดับสูงประเมินเหตุการณ์การรบรัสเซีย-ยูเครน “ไม่จบในปีนี้” แน่ๆ ชี้ “อาวุธระดับสูง” เป็นกุญแจจบการรบ
วาเลรี ซาลูจนี ผู้บังคับบัญชาทัพบกยูเครน ร่วมกับ มิคาอิโล ซาโบรดสกี รองประธานคณะกรรมการความมั่นคงและยั่งยืนแห่งชาติ กระทรวงกลาโหม แล้วก็ข่าวกรองของสภานิติบัญญัติยูเครน ได้เขียนเนื้อหาของบทความประเมินเหตุการณ์ความไม่ถูกกันรัสเซีย-ยูเครน ว่าจะมีทิศทางยังไงถัดไป รวมทั้งปัญหาสำคัญเป็น “จะจบขณะใด” ทั้งคู่คนประเมินว่า ยังไม่เห็นผลสรุปในที่สุดที่กระจ่าง แม้กระนั้นแน่ใจว่า “มีเหตุมีผลหลายประการที่ทำให้น่าเชื่อว่า การรบจะไม่สิ้นสุดที่ไหนด้านในปี 2022 นี้อย่างแน่แท้” พวกเขาเห็นว่า สำหรับเพื่อการต่อสู้กับรัสเซียนั้น ยูเครนจะการบรรลุเป้าหมายได้ด้วยการใช้วิธีการจู่โจมระยะไกล บางทีอาจจะด้วยอาวุธวิสัยไกล แม้ปรับระยะการกระทำการของอาวุธได้ จะก่อกวนศัตรู แล้วก็ “แปลงโฉม” การสู้รบไปสู่จุดหักเหได้
ซาลูจนีแล้วก็ซาโบรดสกี เห็นเหมือนกันว่า ยูเครนยังคงอยากได้อาวุธเสริมเติมเพื่อต่อสู้กับกองกำลังรัสเซีย “ถ้าหากยูเครนบรรลุเป้าหมายสำหรับเพื่อการหาอาวุธที่สมควร แนวโน้มการต่อสู้แล้วก็ที่มีความสำคัญในการรบการรบในปี 2023 จะไม่เหมือนกันกับเดิมอย่างสิ้นเชิง” พวกเขายกตัวอย่างการจู่โจมฐานทัพรัสเซียในไครเมีนเมื่อเดือน เดือนสิงหาคม ซึ่งนับเป็นการการันตีจากข้าราชการด้านทหารชั้นสูงของยูเครนคราวแรก ว่ายูเครนเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดและก็การจู่โจมในไครภรรยาจริงๆ“ดำเนินการในไครภรรยาด้วยจรวดนำวิถีบรรลุเป้าหมายสำหรับในการจู่โจมฐานทัพอากาศซากี แต่ว่าภารกิจของกองกองทัพยูเครนในปี 2023 เป็นแนวทางการทำให้ปฏิบัติงานพวกนี้เฉียบคมรวมทั้งแจ่มกระจ่างมากยิ่งขึ้นต่อรัสเซียรวมทั้งภูมิภาคอื่นๆที่ถูกครอบครอง แม้ว่าจะมีระยะห่างเป็นอย่างมากจากวัตถุประสงค์ก็ตาม” พวกเขาเขียน
พวกเขายังกล่าวอีกว่า การได้มาซึ่งระบบอาวุธที่มีความรู้ความเข้าใจเยอะขึ้นจากผู้ส่งเสริมต่างประเทศแค่นั้นซึ่งสามารถจัดการกับปัญหาได้ และก็ยูเครนเอง จำเป็นต้องปรับปรุงความรู้ความเข้าใจสำหรับในการผลิตอาวุธระดับสูงในประเทศให้ดีขึ้น พวกเขามั่นใจว่า ตั้งแต่แมื่อการทำศึกเริ่มขึ้น มีต้นเหตุ 2 ประการที่กัดกันความพากเพียรของยูเครนสำหรับในการหาอาวุธเพิ่มเติมอีกจากชาติพันธมิตร โน่นเป็น “ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับขนาดของการศึกรัสเซีย-ยูเครน” แล้วก็ “ภัยรุกรามจากปรมาณู” ตั้งแต่เดือน เดือนกรกฎาคม ก่อนหน้าที่ผ่านมา กองกำลังรัสเซียได้ตั้งฐานทัพทหารที่โรงไฟฟ้าปรมาณูซาโปริซเซีย จัดตั้งอาวุธหนัก รวมทั้งเครื่องปล่อยจรวด BM-30 Smerch ด้วย ทำให้มีการเสี่ยงว่าจะกำเนิดหายนะปรมาณู ยังไม่นับสมรรถนะด้านอาวุธปรมาณูของรัสเซียที่ละเลยมิได้
เพราะฉะนั้นก็เลยเป็นที่รู้เรื่องได้ว่า ถ้าหากบรรดาชาติตะวันตกช่วยเหลือยูเครนอย่างเต็มกำลังกว่านี้ ก็อาจมีจังหวะนำมาซึ่งการก่อให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ได้ โดยสรุป ทั้งคู่บอกว่า “นี่จะเป็นความไม่ตรงกันที่ช้านาน จะส่งผลให้เกิดการสิ้นไปของชีวิตรวมทั้งรายจ่ายมากมาย โดยไม่เป็นผลลัพธ์ท้ายที่สุดที่แน่ๆ”